ตู้เก็บเอกสารเหล็ก

 หลายคนอาจมอง ว่าการจัดเก็บเอกสาร สามารถทำได้ง่าย ๆ จะจัดเก็บตรงไหน หรือเก็บในตู้แบบใด ก็คงไม่ต่างกัน แต่อันที่จริงแล้ว ตู้เก็บเอกสารที่สามารถเก็บเอกสารให้ เรียบร้อยเพื่อสะดวกต่อ การจัดเก็บและหยิบเอกสาร ใช้งานนั้น ก็ต้องมีสิ่งที่เรา ต้องคำนึงถึงก่อน การเลือกซื้อเหมือนกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันต่อเลย

1.เลือกตามวัสดุ

ตู้เอกสารส่วนใหญ่ จะผลิตได้จากวัสดุ 3 ประเภท นั่นก็คือ โลหะ ไม้และพลาสติก ซึ่งวัสดุแต่ละ ชนิดก็มีข้อดีและข้อเสีย ที่แตกต่างกัน โดยวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ โลหะ เช่น สเตนเลส เหล็กและอะลูมิเนียม มีข้อดีตรง ที่มีความทนทาน และรองรับน้ำหนักได้ดีมาก เหมาะสำหรับ จัดเก็บเอกสารจำนวนมากและเอกสารสำคัญ เพราะวัสดุที่แข็งแรง ก็จะยากต่อการถูกโจรกรรม แต่ก็มีข้อเสียตรง ที่วัสดุประเภทโลหะนั้น จะมีดีไซน์ที่ค่อนข้างน้อย และอาจดูล้าสมัย

อีกหนึ่งวัสดุที่ เป็นที่นิยมรองมาจาก โลหะก็คือ ไม้อัด ที่ถึงแม้ว่าจะด้อย กว่าโลหะในเรื่องความทนทาน แต่ก็มีราคาที่ย่อมเยากว่า และให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ชั้นนำก็ยังนิยมนำไม้อัด มาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เราจึงจะเห็นได้ว่า ตู้เอกสารที่ทำจาก ไม้อัดนั้นจะมีดีไซน์ที่สวยงามและ ทันสมัยมากกว่า วัสดุประเภทอื่น ๆ

ส่วนพลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก เหมาะกับการใส่เอกสารธรรมดาที่มีจำนวนไม่เยอะ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วตู้พลาสติกจะไม่มีระบบล็อก แถมยังรองรับน้ำหนักได้ไม่ดีเท่าไหร่ และด้อยสุดในเรื่องความทนทาน แต่ก็มีข้อดีตรงที่ราคาถูกและน้ำหนักเบา

2.เลือกตามประเภทของตู้เก็บเอกสาร

ตู้เก็บเอกสารสามารถ แบ่งประเภทได้เหมือน กับตู้แบบทั่วไป นั่นก็คือ แบบลิ้นชัก แบบบานเปิด และแบบบานเลื่อน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ ตามใจชอบและความเหมาะสม ในการใช้งานได้เลยหรืออาจจะพิจารณาจาก ขนาดของพื้นที่ที่ จะจัดวาง หากต้องการวาง ในพื้นที่แคบหรือบริเวณ ที่มีพื้นที่จำกัด เราขอแนะนำให้ เลือกตู้เอกสารแบบบานเลื่อน เพราะการเปิดโดย เลื่อนไปด้านข้างก็จะทำให้เราไม่เปลืองพื้นที่ ด้านหน้าสำหรับการเปิด แต่อาจมีข้อเสียตรง ที่เราสามารถเปิดได้ทีละบาน ซึ่งอาจไม่สะดวกต่อการหาและหยิบใช้

3.เลือกขนาดตามจำนวนหมวดหมู่ของเอกสาร

เมื่อเรามีเอกสาร ที่เกี่ยวข้องมากมาย หลายหมวดหมู่ ถึงแม้ว่าจะจัดเก็บ ในตู้เอกสาร อย่างดีแล้ว แต่บางครั้งเรา อาจเก็บรวม ๆ กันโดยไม่แยกประเภท จึงอาจทำให้ เราต้องเจอกับปัญหา การหาเอกสารไม่เจอ ดังนั้นเราจึงต้องเลือกขนาด ของตู้เอกสารตามจำนวน หมวดหมู่ของเอกสาร ที่เรามี ยิ่งมีเอกสารหลากหลายประเภท ก็ยิ่งต้องมีจำนวน ช่องมากเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้จัดเก็บเอกสาร ได้อย่างเป็นระเบียบ มากขึ้นโดยแยกเป็น หมวดหมู่ ซึ่งจะช่วยให้เราค้นเจอเอกสารที่ ต้องการได้ทันที

4.มองหาลิ้นชักที่มีระบบล็อก

แน่นอนว่าทุกบริษัท และธุรกิจต่าง ๆ จะต้องมีเอกสารสำคัญที่ อาจเป็นความลับ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลส่วนตัว ของพนักงาน เงินเดือนและหนังสือ สัญญาจ้าง ดังนั้น การที่เราเลือกวัสดุ ที่แข็งแรงเพียงอย่างเดียวนั้น ก็อาจไม่เพียงพอ แต่เราควรเลือกตู้เอกสาร แบบที่มีระบบล็อก เสริมเข้ามาด้วย เพื่อความปลอดภัยต่อการถูกโจรกรรมหรือ ป้องกันข้อมูลรั่วไหล เราขอแนะนำว่าให้เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าระบบล็อกนั้นมีคุณภาพและปลอดภัยจริง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการงัดแงะโดยง่าย

5.มองหาคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่น ๆ

นอกจากวัสดุ ประเภทและจำนวนของตู้เก็บเอกสารเหล็กแล้ว เพื่อการใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำว่าควรมองหาคุณสมบัติเพิ่มเติมด้วย เช่น ป้ายหน้าตู้ที่เราสามารถเขียนระบุประเภทของเอกสารได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เราจัดเก็บและหาเอกสารได้ง่ายมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องมานั่งจำว่าเอกสารประเภทนี้จัดเก็บอยู่ในช่องไหน นอกจากนี้ ก็อาจมองหาตู้เอกสารที่มีระบบป้องกันการกระแทก โดยเฉพาะตู้ที่ทำจากโลหะและไม้อัด เพราะบานประตูที่มีน้ำหนัก การที่เราเผลอปิดด้วยความแรง ก็อาจทำให้บานประตูเกิดความเสียหายได้ หรือถ้าใครกังวลในเรื่องของการเคลื่อนย้ายตู้เอกสารที่มีน้ำหนักมาก ก็สามารถมองหาตู้เก็บเอกสารเหล็กที่มีล้อเพื่อให้เราเคลื่อนย้ายได้สะดวกมากขึ้นโดยไม่ทำให้พื้นเป็นรอย

กลับสู่หน้าหลัก – songkhlalaow