ความแตกต่างของตลาด Forex ที่ต่างจากตลาดหุ้นอื่นๆ
ตลาด Forex มีปริมาณต่อวันมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้ที่มีส่วนร่วมในตลาด Forex ประกอบด้วยธนาคารขนาดใหญ่ โบรกเกอร์ forex กองทุนป้องกันความเสี่ยงและสถาบันการเงินอื่นๆ บริษัทระดับโลกและเทรดเดอร์รายย่อย ธุรกรรม Forex ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการแปลงสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประจำวันของโลก ปริมาณต่อวันที่มีขนาดใหญ่ของตลาด Forex ให้โอกาสในการซื้อขายที่ไม่มีที่สิ้นสุดและให้เทรดเดอร์สามารถกระจายไปสู่ตลาดสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลกได้
การลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิคได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนารูปแบบการเทรดออนไลน์แบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มที่ทางบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆ ได้จัดหาเตรียมไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน จึงทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกได้โดยตรง แต่คำสั่งการซื้อ – ขายยังคงทำผ่านโบรกเกอร์อยู่
แพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex ที่ดีนั้น ต้องมีความเรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งานจริงและต้องมีการสนับสนุนและการช่วยเหลือที่ดีสำหรับลูกค้า ซึ่งหมายความว่าหากคุณกำลังประสบปัญหาในการลงทุน ทาง thaibrokerforex จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณได้อย่างรวดเร็ว
ตลาด Forex ทำงานอย่างไร ? | โบรกเกอร์ forex
เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ยังคงขยายไปสู่ตลาดทั่วโลก การทําธุรกรรมในสกุลเงินของแต่ละประเทศจึงมีความจำเป็น ดังนั้นสกุลเงินจึงมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นและความผันผวนอย่างต่อเนื่องในค่าเงินทําให้ธุรกิจมีความเสี่ยง เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการนอกพรมแดน
ตลาด Forex มีวิธีการลดความเสี่ยง โดยการกำหนดอัตราการทําธุรกรรมให้สามารถทําได้ในวันถัดไป นักลงทุนเก็งกําไรในตลาดเมื่อซื้อ – ขาย Forex โดยคาดหวังว่าสกุลเงินที่ซื้อ – ขายจะสูงขึ้นหรือลดลงในทิศทางที่ส่งผลให้เกิดกําไร ในการซื้อ – ขายนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสําคัญที่คุณต้องทำการค้นคว้าหาความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเทรด
ความแตกต่างของตลาด Forex และตลาด Cryptocurrency
ทั้ง 2 ตลาดเป็นตลาดสำหรับเทรดสกุลเงินที่สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตได้เหมือนกัน แต่ทั้งสองตลาดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันและต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ตลาดทั้งสองยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยสกุลเงินต่างประเทศจำนวนมากของตลาด Forex มีความผันผวนประมาณ 0.5 – 1% ในขณะที่เหรียญอันโด่งดังของตลาด Cryptocurrency อย่าง Bitcoin มีความผันผวนราวๆ 5 – 15% ความแตกต่างนี้ส่งผลให้แต่ละตลาดดึงดูดนักลงทุนหลากหลายประเภทเข้ามาได้
- ค่าอุปทานหรือปริมาณความต้องการเสนอขายของตลาด Forex มีอยู่ไม่จำกัด เพราะตลาดนี้เป็นตลาดซื้อขายที่มีอยู่ทั่วโลกและปริมาณธนบัตรที่ใช้ในการเทรดก็มีอยู่ทุกที่และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากตลาด Cryptocurrency ที่จำนวนเหรียญดิจิทัลสำหรับการเทรดถูกสร้างมาอย่างจำกัดทำให้ค่าของเหรียญและความต้องเป็นเจ้าของเหรียญเพิ่มขึ้น
- สกุลเงินในตลาด Forex ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนกลางที่เป็นเจ้าของสกุลเงินประเทศนั้นๆ (แต่การเล่นเหล่านี้เป็นเพียงแค่การเก็งกำไรค่าเงิน ไม่ได้ถือว่าเป็นการถือเงินต่างสกุลแต่อย่างใด) ในขณะเดียวกันตลาด Cryptocurrency เป็นตลาดแบบกระจายอำนาจ หมายความว่าไม่มีหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่กำหนดทิศทางของตลาดได้และนักลงทุนก็มีสิทธิในกระเป๋าเงิน โดยปราศจากผู้ตรวจสอบเพราะตลาด Cryptocurrency ใช้กระบวนการตรวจสอบแบบ Peer-to-peer (การแลกเปลี่ยนกันโดยตรง)
- อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินของตลาด Forex สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามลักษณะของผู้บริโภคในแต่ละประเทศและการซื้อขายระหว่างประเทศ ในทางกลับกันราคาของตลาด Cryptocurrency เกิดจากอุปสงค์และอุปทานในตลาด
ความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและ Forex | โบรกเกอร์ forex
ตลาดหุ้นและ Forex คือตลาดการซื้อ – ขายที่แตกต่างกันมากๆ โดยคนส่วนมากจะเข้าใจว่าการเทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือหุ้นและเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือ Forex ซึ่งความจริงแล้วในบางครั้ง Forex อาจจะเทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็ได้หรือในบางครั้ง หุ้นอาจจะเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้เช่นกัน ดังนั้นหุ้นและ Forex จึงแตกต่างกันที่รูปแบบการลงทุน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิธีการวิเคราะห์แต่อย่างใด แต่เราลองมาดูในเชิงลึกกันให้มากกว่านี้ถึงความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและ Forex อย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไรบ้างดังนี้
- ปริมาณการซื้อ – ขายที่มีความแตกต่างใหญ่มากอย่างหนึ่งคือ ขนาดของตลาด Forex ที่แท้จริง มีปริมาณการซื้อ – ขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน ด้วยคู่สกุลเงินการซื้อขายที่ได้รับความสนใจอย่างมากซึ่งได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ AUD/USD โดยมีปริมาณการซื้อ – ขายปริมาณเงินดอลลาร์ที่มากกว่าปริมาณการซื้อ – ขายหุ้นของตลาดโลกที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน
- สภาพคล่องของตลาดที่มีการซื้อ – ขายในปริมาณที่สูงมากนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีสภาพคล่องที่สูงเช่นกัน จึงนำไปสู่สเปรดที่แน่นขึ้นและลดต้นทุนการทำธุรกรรมอีกด้วย คู่สกุลเงินของ Forex โดยทั่วไปมักมีสเปรดที่ต่ำ รวมทั้งต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นและนี่คือหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรดระหว่างตลาด Forex และตลาดหุ้น
- เวลาซื้อ – ขายของตลาด Forex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) หมายความว่ามันไม่ได้ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม โดยจะเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง และถูกอำนวยความสะดวกมากขึ้นผ่านตลาดระหว่างธนาคาร ซึ่งหมายความว่าสามารถทำการเทรดได้ทั่วทุกมุมโลกในระหว่างเวลาทำการของแต่ละประเทศและช่วงเวลาของการเทรด ดังนั้นเทรดเดอร์ Forex จึงสามารถเข้าถึงการเทรดได้อย่างสมจริง 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ในทางกลับกันดัชนีหุ้นสำคัญเทรดสามารถในเวลาที่ต่างกันและได้รับผลกระทบจากตัวแปรที่แตกต่างกัน
- ระยะเวลาการซื้อ – ขายการเทรด Forex เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่า เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง การดำเนินคำสั่งรวดเร็วและการชำระราคา T+0 ขณะที่การซื้อขายหุ้นจะมีสภาพคล่องต่ำกว่าและการชำระราคา T+2 ทำให้การซื้อขายหุ้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า
- วิธีการทำกำไรการเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว
- โอกาสในการขยายกำไรที่น่าดึงดุดใจที่สุดของการเทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย ใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดหุ้นที่ต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่การใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียด้วยเพราะเลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ในขณะที่สามารถขยายกำไรได้ก็สามารถขยายขาดทุนได้เช่นกันเมื่อกราฟไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม
ลักษณะเด่นของตลาด Forex
- เป็นตลาดเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อ – ขายตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเทรดหรือทำกำไรตอนไหนก็ได้ ยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ซึ่งไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้ แม้แต่ธนาคารกลาง ตลาดเทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก นี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ Forex ต่างจากการเทรดหุ้นทั่วไป
- มีความคล่องตัวสูงมากๆ เพราะมีการส่งคำสั่งซื้อ – ขายเร็วถึงระดับวินาทีและมีคนซื้อ – ขายจำนวนมากทำให้ปริมาณการซื้อ – ขายสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ
- สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงในหนึ่งคู่สกุลเงิน นักลงทุนสามารถเปิดได้ทั้งสถานะซื้อ – ขาย โดยสามารถเปิดสถานะซื้อหากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นและเปิดสถานะขายหากคาดว่าราคาจะลดลง
- มีความเสี่ยงสูงมากเพราะมีการผันผวนของราคาตลอดเวลาตามปัจจัยรอบข้าง ซึ่งก็เป็นโอกาสที่จะใช้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
- ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถทำกำไรได้สูงด้วย Leverage แต่ในทางตรงข้าม Leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงเช่นกัน ซึ่งต่างจากหุ้นที่จะทำกำไรได้เฉพาะตอนราคาขึ้นเท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ โดยจะมีการคิดค่าบริการจากส่วนต่างของ Spread และสกุลเงินไหนที่มีการลงทุนซื้อ – ขายมาก ค่า Spread ก็จะแคบไปด้วย
- มีเครื่องมือในการช่วยเทรด Forex มากมาย เช่น โบรกเกอร์และโปรแกรมเทรดต่างๆ ที่จะช่วยทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน
- ตลาดมีประสิทธิภาพสูงมากและยากต่อการปั่นราคาโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นั่นหมายความว่าราคาที่เกิดขึ้นเป็นราคาตลาดที่สะท้อนปัจจัยทั้งหมดที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้นแล้ว
- เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่า เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงและมีการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว
- ปริมาณความต้องการเสนอขายของตลาด Forex มีอยู่ไม่จำกัด
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ลักษณะเด่นของตลาด Forex เป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากทำให้นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจได้ว่าการลงทุนในตลาด Forex มีความน่าเชื่อถือและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้จะมีลักษณะเด่นที่ดึงดูดใจให้เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ตัวนักลงทุนเองก็ควรที่จะศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับตลาด Forex เพิ่มเติมและหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้นำความรู้ไปใช้ในการเลือกเทรดสกุลเงินในตลาด Forex ได้อย่างถูกต้อง ได้กำไรมากกว่าเสียและประสบความสำเร็จ
Comments
Powered by Facebook Comments
Facebook
Google+
RSS