ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นส่งผลให้บุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-Cigarette (หลายคนเรียกว่า Pod) ถูกพัฒนาเพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับเหล่าบรรดาสิงห์อมควันให้เปลี่ยนแนวทางการสูบบุหรี่ของตนเอง และหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามคงมีหลายคนตั้งข้อสงสัยกันอยู่พอสมควรว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือ การสูบ Pod จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่ มีหลักการทำงานอย่างไร ลองมาหาคำตอบทั้งหมดเพื่อสร้างความเข้าใจกันแบบถูกต้องได้เลย
บุหรี่ไฟฟ้า (E-Cigarette) คืออะไร
บุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-Cigarette คือ รูปแบบของอุปกรณ์การสูบที่ใช้หลักกลไกทางไฟฟ้าส่งผลให้เกิดความร้อน และไอน้ำ (Vape) ซึ่งไม่ได้มาจากการเผาไหม้ ผู้สูบจึงยังคงได้รับสารนิโคตินจากการสูบไอระเหย รวมถึงกลิ่นแต่ง แต่ไม่เกิดสารอันตรายอื่น ๆ เช่น สารทาร์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ ฯลฯ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นการสูบ Pod จึงอยู่ในรูปแบบของการสูบไอน้ำ (Vaping)
ขณะที่ลักษณะภายนอกมีการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน พร้อมดีไซน์สวย พกพาสะดวก มีทั้งรูปแบบใช้แล้วทิ้งและแบบเปลี่ยนน้ำยาใหม่ได้ตามชอบ ขณะที่ในภาษาอังกฤษมีทั้ง Vape Pens, Vape Bars, Pod Devices, Mods และ Cigalikes จากปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้การใช้งานพอตได้รับความนิยมจากคนทั่วไปมากขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้า (E-Cigarette) ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่
นี่เป็นคำถามที่หลายคนมักตั้งข้อสงสัยว่าการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่จริงมากเป็นการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (E-Cigarette) ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่? จากงานวิจัยของผู้คนจำนวนมากในสหราชอาณาจักรสามารถเลิกสูบบุหรี่จริงได้จากการใช้งาน Pod ไฟฟ้า โดยในปี 2021 ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้คนจำนวนมากหันมาใช้งานเพื่อเลิกบุหรี่ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันในการใช้งานตัวช่วยนี้มีประสิทธิภาพและโอกาสความสำเร็จมากกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินประเภทอื่น ๆ เช่น แผ่นแปะหรือหมากฝรั่งเลิกบุหรี่ถึง 2 เท่า
การใช้งาน E-Cigarette จะช่วยให้คุณลดความอยากนิโคตินของร่างกายลงได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องประเมินระดับความเหมาะสมของปริมาณนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้งานด้วย เพราะถ้ามากเกินไปก็แทบไม่ต่างจากการสูบบุหรี่จริงตามปกติ และโอกาสเลิกบุหรี่ย่อมน้อยลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามมีข้อมูลเพิ่มเติมน่าสนใจเกี่ยวกับการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าที่ควรรู้เอาไว้คือ การสูบไอ หรือ Vaping ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงต่อสารเคมีในร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่จริงถือว่าสารอันตรายที่ร่างกายจะได้รับมีน้อยกว่าหลายเท่า โดยเฉพาะการที่ร่างกายไม่ได้รับสารทาร์ และสารคาร์บอนมอนนอกไซด์ อันเกิดจากการเผาไหม้
ขณะที่อีกคำถามที่ผู้สูบจำนวนมากอยากรู้เพิ่มเติมนั่นคือ เมื่อร่างกายยังคงได้รับสารนิโคตินจะเสี่ยงต่อสุขภาพมากน้อยเพียงใด? คำตอบคือ ส่วนใหญ่แล้วสารนิโคตินแทบไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักต่อร่างกายนอกจากความรู้สึกเสพติด ดังนั้นเมื่อเทียบกับสารเคมีอื่น ๆ การสูบ E-Cigarette จึงมีความปลอดภัยกว่านั่นเอง
บุหรี่ไฟฟ้า (E-Cigarette) ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือไม่
จากการเทียบข้อมูลระหว่างบุหรี่ไฟฟ้า กับ บุหรี่จริง ในคนปกติจะเห็นว่า E-Cigarette ดูปลอดภัยและอันตรายน้อยกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ก่อนหน้ายังคงสูบบุหรี่จนทำให้เกิดภาวะเสพติดนิโคตินไม่แนะนำให้ใช้งานเพราะสารเคมีบางชนิดอาจก่อให้เกิดความผิดปกติกับเด็กในครรภ์ได้
ส่วนใหญ่ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ใช้งานแผ่นแปะหรือหมากฝรั่งเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลิกสูบบุหรี่แทน รวมถึงผู้หญิงตั้งครรภ์ควรพาตัวเองให้ออกห่างจากพื้นที่ที่มีควันบุหรี่ทั้งบุหรี่จริงและบุหรี่ไฟฟ้าด้วย ลดความเสี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือ 2 ซึ่งส่งผลต่อทารกในครรภ์ด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลทั้งหมดนี้จึงยืนยันได้ชัดเจนว่าการใช้งาน E-Cigarette หรือ บุหรี่ไฟฟ้า มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าทั้งในมุมของการเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่จริง รวมถึงใครที่อยู่ในภาวะเสพติดนิโคตินก็ยังสามารถสูบได้โดยที่ร่างกายไม่ได้รับสารอันตรายอื่น ๆ เช่น สารทาร์ สารคาร์บอนมอนนอกไซด์ และอื่น ๆ อีกเยอะมาก
แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายจากระบบไฟฟ้า รวมถึงยังสามารถเลือกรสชาติและกลิ่นได้ตามความชอบของตนเอง ไม่สร้างการรบกวนต่อคนรอบข้างอีกด้วย
เรียบเรียงจาก : https://www.nhs.uk/live-well/quit-smoking/using-e-cigarettes-to-stop-smoking/
ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า : https://vape-th.com/
Comments
Powered by Facebook Comments
Facebook
Google+
RSS